ก่อนที่เราจะมาพูดถึงความแตกต่างระหว่างแรงงาน MOU และ แรงงานที่ถือบัตรชมพู
เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่า MOU คืออะไร และบัตรชมพูคืออะไร มาดูกันค่ะ
MOU ย่อมาจากคำว่า Memorandum Of Agreement
หากเราแปลตรงตัว ก็จะหมายถึง บันทึกข้อตกลงที่ได้ตกลงไว้กันไว้ทั้งสองฝ่าย หรือพูดง่ายๆก็คือ บันทึกข้อมูลต่างๆที่คนสองฝ่ายได้คุยกัน ตกลงกัน หรือสัญญากัน
ซึ่ง MOU ที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้จะหมายถึงข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลประเทศต้นทาง (เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว)
แรงงานที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยผ่านระบบ MOU นั้น จะถือว่าเป็นแรงงานที่เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แรงงานจะได้รับ ค่าแรง, OT, ประกันสังคม และวันหยุดพักผ่อนประจำปีเช่นเดียวกับแรงงานไทยที่ทำงานภายในประเทศไทย
แรงงานบัตรชมพู
แรงงานบัตรชมพูคือแรงงานที่เข้ามาในประเทศไทยอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อาจเข้ามาในประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ หรือช่องทางอื่นๆ โดยแรงงานเหล่านี้ แอบเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยค่าแรงและสวัสดิการต่างๆจะขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างนายจ้างกับแรงงาน จริงๆแล้ว แรงงานเหล่านี้หากตำรวจตรวจพบ จะต้องถูกส่งกลับประเทศของตน แต่เนื่องจากมีแรงงานที่เข้ามาโดยไม่ถูกต้องเป็นจำนวนมาก ทางกระทรวงแรงงานจึงผ่อนผันให้แรงงานเหล่านี้อยู่และทำงานในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราวโดยต้องมาลงทะเบียนทำบัตรชมพูตามระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนดแต่แรงงานยังคงมีสถานะภาพเข้าเมืองผิดกฎหมายอยู่เพราะบัตรชมพูไม่ใช่หนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางตามกฎหมายคนเข้าเมือง
เมื่อแรงงานที่เคยอยู่อย่างผิดกฎหมายเข้ารับการทำบัตรชมพู แรงงานจะได้รับการรับรองสิทธิหลายด้านด้วยกัน เช่น ถูกบังคับให้ซื้อประกันสุขภาพ
ส่วนประกันสังคมนั้นขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนได้เฉพาะคนที่มีหนังสือเดินทางเท่านั้น
จะเห็นว่า แรงงาน MOU และ แรงงานบัตรชมพู ถือว่าเป็นแรงงานที่ทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งคู่ แต่ความแตกต่างระหว่างแรงงานสองประเภทนี้ก็ยังคงมีอยู่บ้าง ดังนี้

ความแตกต่างระหว่างแรงงาน MOU กับแรงงานบัตรชมพู
แรงงาน MOU
- สามารถเดินทางไปทำงานนอกจังหวัดพื้นที่ได้แต่ต้องเป็นนายจ้างเดิม เช่นการเดินทางไปทำงานตามไซน์งานก่อสร้างต่างๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เป็นต้น
- แรงงาน MOU นอกจากจะต้องเข้ารายงานตัวทุก 90 วันแล้ว ยังต้องทำการต่ออายุใบอนุญาตทำงานทุกๆ 2 ปี และเมื่ออยู่ครบ 4 ปีแล้ว แรงงานจะต้องเดินทางกลับประเทศของตน เพื่อทำ Passport,Visa และตรวจโรค ใหม่ จึงจะกลับมาทำงานกับนายจ้างได้
- แรงงานที่เข้าประเทศไทยผ่านทางระบบ MOU จะเข้ามาผ่านสัญญาจ้างของนายจ้างใดนายจ้างหนึ่ง ฉะนั้นแรงงานจะต้องทำงานอยู่ภายใต้นายจ้างนั้นตลอดสัญญาจ้าง ไม่สามารถเปลี่ยนนายจ้างได้ตลอดสัญญาจ้างนอกเสียจากว่านายจ้างทำผิดข้อกำหนดที่กระทรวงแรงงานกำหนด
- ก่อนที่แรงงานต่างด้าวจะเข้ามาทำงานในประเทศไทยผ่านระบบ MOU ได้ แรงงานจะต้องทำเอกสารต่างๆอย่างถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นนายจ้างและแรงงานไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องการเข้าตรวจของเจ้าหน้าที่
- แรงงานที่เข้าประเทศไทยผ่านระบบ MOU จะถูกคัดกรอง/คัดเลือกมาในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งนายจ้างสามารถตรวจสอบที่อยู่ของแรงงาน หรือแม้แต่บุคคลในครอบครัวของแรงงานได้
อีกทั้งแรงงานที่ผ่านการคัดเลือกในระบบ MOU ยังจะต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงแรงงานกำหนด
แรงงานบัตรชมพู
- แรงงานบัตรชมพูสามารถเปลี่ยนย้ายนายจ้างได้อยู่ตลอดเวลาแต่ไม่สามารถโยกย้ายจังหวัดหรืออำเภอที่ทำงานได้ ดังนั้นนายจ้างไม่สามารถให้แรงงานบัตรชมพู เดินทางไปทำงานตามไซน์งานนอกจังหวัดหรืออำเภอที่แรงงานลงทะเบียนเอาไว้ได้
- แรงงานต้องทำเรื่องต่อบัตรชมพูทุกๆปี
- แรงงานบัตรชมพูบางคน เล่ม CI (พิสูจน์สัญชาติ)อาจจะหมดอายุหรือ บัตรชมพูหมดอายุแล้วไม่ได้ไปต่ออายุตามกำหนด เสี่ยงต่อการโดยตรวจสอบ
- ไม่สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปที่แน่นอนของแรงงานได้ เพราะแรงงานบางคน อยู่ในประเทศไทยมานาน ไม่มีทะเบียนบ้าน หรือแม้แต่ ไม่ได้ติดต่อครอบครัวมานาน
เป็นอย่างไรกับบ้างกับความแตกต่างระหว่างแรงงานที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยผ่านระบบ MOU กับแรงงานบัตรชมพู หากคุณชอบบทความดีๆเกี่ยวกับแรงงานอีก สามารถเข้าไปติดตามอ่านได้ที่ https://www.kilabor.com/blog
ต้องการแรงงานต่างด้าวระบบ MOU ติดต่อเราได้ที่เบอร์ 091-812-7199 หรือ098-256-7313
Comentários